ผอ.อัญชลี สารสุวรรณ์ รองฯกรรณิกา หมั่นดี และ คณะครู เข้าร่วมงาน มหกรรมการศึกษาเพื่อพัฒนาวิชาชีพครู หรือ EDUCA 2013 ณ ฮอลล์ 9 อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2556 โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 6 ภายใต้แนวคิด "Strong Performers and Successful Reformers" ซึ่งภายในงาน มีการบรรยายพิเศษและการประชุมอภิปรายโดยผู้เชี่ยวชาญ การจัดทำเวิร์คช็อป เช่น ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21, ICT สำหรับการสอนและการจัดการเรียนรู้, อาเซียน, การวัดและประเมินผล ในทุกระดับ ตั้งแต่อนุบาล ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา โดยผู้บริหารและคณะครู จะนำองค์ความรู้ที่ได้มาบริหารจัดการและพัฒนาการจัดการศึกษาของโรงเรียน ชุมชนวัดตะเคียนงาม ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
เก็บมาฝาก...EDUCA 2013
ข้าพเจ้าเข้าร่วมประชุมสัมมนาวิชาการนานาชาติ เรื่อง Strong Reformers and Successful Reformers กรณีศึกษาบทเรียนด้านการจัดการศึกษาที่ประสบความสำเร็จของประเทศฟินแลนด์ : การเปลี่ยนแปลงสู่ความสำเร็จ
ถ้าเอยถึงประเทศฟินแลนด์เรามองเห็นภาพหิมะ ความมืด หรือ อาจจะมองเห็นโรงเรียนที่สอนเด็กเป็นซานตาครอสเพราะจุดกำเนิดของซานตาครอสอยู่ที่ประเทศนี้ อาจจะมองเห็นนักปฏิรูปการศึกษาหรือนักประสิทธิผลทางการศึกษา หรือแม้กระทั่งประเทศที่มีพระอาทิตย์ 24 ชั่วโมง สิ่งเหล่านี้เราก็ต้องสนใจอะไรบ้าง ถ้าเราเป็นนักบริหารการศึกษาเราก็ต้องสนใจว่าทำไมประเทศฟินแลนด์ในอดีตเป็นประเทศที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำที่สุดในโลก แต่ปัจจุบันทำไมอยู่ที่ลำดับ 1 ของโลกได้
ถ้าจะพูดถึงระบบการศึกษาที่ดีในโลก (เฮลซากิ) Strong Reformers การเลียนแบบสิ่งไม่ง่าย ทำไม่ง่าย แต่สามารถเรียนรู้กันและกันได้ เรามาดูว่าฟินแลนด์เขาทำกันอย่างไร จึงปฏิรูปการศึกษาจากอันดับบ๊วยของโลกมาเป็นอันดับที่ 1 ของโลกได้ ก็คือ
1. การให้โอกาส นักเรียนทุกคนได้รับการศึกษาที่เท่าเทียมกัน คือ ได้รับครูสอนเก่งๆ รัฐบาลวางหลักสูตรในการจัดการเรียนการสอนเหมือนกันทั่วประเทศ ไม่มีโรงเรียนเอกชน เพราะการมีโรงเรียนเอกชนในฟินแลนด์เป็นสิ่งผิดกฎหมาย ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องจัดการศึกษาเสมอภาคทุกโรงเรียน โดยรัฐบาลและโรงเรียนมีการวางระบบการจัดการศึกษา ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน
2. เด็กยากจนทุกคนได้เรียนรู้เท่าเทียมกัน โดยเด็กยากจนในประเทศฟินแลนด์จะได้รับการศึกษาจากครูเก่งๆที่รัฐบาลจัดหาให้จากโรงเรียนรัฐบาลเท่าเทียบกันทุกคน
3. จัดให้มีนวัตกรรมทางการศึกษา/ จัดการบริหารระบบธรรมาภิบาล/ การวางฐานเศรษฐกิจ และระบบทางการเมือง เพราะประเทศฟินแลนด์มีคนยากจน 4 ใน 5 ของประเทศ จึงจำเป็นต้องวางระบบเหล่านี้ให้ดี เพื่อสนองต่อความต้องการของคนประเทศให้ทั่วถึงและเท่าเทียมกัน
เทคนิคบริหารประเทศที่สำคัญใช้เทคนิค เรียกว่า GERM ซึ่งย่อมาจาก
G lobal.
E ducation.
R eform.
M orement.
ซึ่งมีวิธีการดำเนินการเป็นภาคความรู้สามารถประยุกต์ปฏิบัติได้ดังนี้
1. ใช้ระบบการแข่งขัน (เช่น โรงเรียนแข่งขันกับโรงเรียน/ นักเรียนแข่งขันกับนักเรียน) หรือเรียกว่า โรงเรียนแข่งขันกันพัฒนานั่นเอง
2. มีความคาดหวัง (สร้างหลักสูตรที่เอื้อต่อการพัฒนาเด็ก) รับบาลมีการสร้างหลักสูตรที่เอื้อต่อกันการพัฒนาเด็กให้มีความพร้อมและมีความรอบรู้ในทุกๆด้าน
3. หาวิธีการปรับปรุงคุณภาพ (เด็กและครู) โดยมีตัวมาตรฐานตัวบ่งชี้ มีการทดสอบ/ ตรวจวัดคุณภาพทั้งครู/ และนักเรียน
4. มีระบบพึ่งพา (แลกเปลี่ยนเรียนรู้) โรงเรียนต้องมีการสร้างเครือข่ายร่วมกันพัฒนา สร้างให้ผู้ปกครองนักเรียนได้มีทางเลือก ในการส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐบาล
- รัฐบาลของประเทศฟินแลนด์จะเน้นให้ครูสร้างนวัตกรรมทางการศึกษา เพราะจะได้แนวคิดใหม่ๆ ในการพัฒนาการศึกษาของประเทศ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษา ให้ทุกโรงเรียนโดยเท่าเทียมกัน
- ในประเทศฟินแลนด์ เด็กจะมีชั่วโมงเรียนน้อย กระบวนการเรียนจะเรียนผ่านกระบวนการคิดและปฏิบัติจริงมาก เพราะฉะนั้นการบ้านน้อย ไม่มีการติวสอบ เพราะความรู้ซึมลึกจากการเรียนการสอน จากการคิดค้น และปฏิบัติจริงแล้ว
- จัดระบบสุขภาพที่ดีให้เด็กโดยจะเน้นด้านระบบโภชนาการที่ดี นม/ อาหาร/ และคุณภาพชีวิตเด็กทุกคน
- การสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริหาร/ ครูในโรงเรียนให้มีความฝันและความหวังที่จะยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้มีมาตรฐานระดับโลก
- จัดให้มีโครงสร้างของระบบการศึกษาที่ดี เช่น ให้มีเฉพาะแต่โรงเรียนรัฐบาล/ จัดครูมีคุณภาพ/ จัดวัฒนธรรมสังคมและองค์กร/ สร้างระบบครอบครัวให้มีความสุข/ สร้างสภาพแวดล้อม/ สร้างหลักสูตรเอื้อต่อการเรียนรู้/ รวมทั้งสร้างสังคมเกื้อกูลกัน
วิทยาการบรรยายโดย Dr. Pasi Sahiberg. Director General, Centre for international Mobility and Cooperation, Ministry of Education and Culture, Finland.
เข้าชม :
1308